ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ หรือที่เรียกว่าไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายได้ง่ายและมีแนวโน้มแพร่ระบาดสูง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งอากาศเย็นชื้นทำให้เชื้อไวรัสเจริญเติบโตได้ดี เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่นี้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ ชนิด A, B และ C โดยชนิด A และ B เป็นสาเหตุของการระบาดใหญ่ในมนุษย์
ลักษณะของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงหรือกลายพันธุ์อยู่เสมอ ซึ่งทำให้เชื้อสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์และทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้บ่อยๆ ซึ่งเชื้อไวรัสชนิด A มักจะเป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดใหญ่ (เช่น ไข้หวัดใหญ่ H1N1) เนื่องจากสามารถกลายพันธุ์และติดจากสัตว์สู่คนได้ ในขณะที่ชนิด B มักจำกัดการแพร่ระบาดเฉพาะในมนุษย์
อาการของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
อาการของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มักรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา โดยอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่:
- มีไข้สูง
- ปวดหัว
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- อ่อนเพลีย
- ไอแห้ง
- อาการคัดจมูกหรือเจ็บคอ
- บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย
การแพร่กระจายของเชื้อ
เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ผ่านทางละอองฝอยจากการไอ จาม หรือพูดคุย เชื้อสามารถแพร่กระจายได้แม้จะยังไม่มีอาการ ทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูงในที่สาธารณะหรือในที่ทำงานที่มีคนอยู่ใกล้ชิดกัน
การป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
การป้องกันสามารถทำได้โดยการฉีดวัคซีนที่พัฒนาขึ้นทุกปีเพื่อให้รองรับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ควรมีการปฏิบัติตัวตามแนวทางสุขอนามัย เช่น ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัยในที่ชุมชน และหลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
การรักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ในกรณีที่ติดเชื้อ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และทานอาหารที่มีประโยชน์ การใช้ยาต้านไวรัสเช่น โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) อาจช่วยลดระยะเวลาของอาการและลดความรุนแรง แต่ควรอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์
ที่มา : https://ddc.moph.go.th/