คณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีมติเห็นชอบร่างประกาศมาตรการลดเงินสมทบประกันสังคมสำหรับผู้ประกันตนในมาตรา 33 และมาตรา 39 เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและช่วยฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วมและผู้ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ทั่วประเทศก่อให้เกิดความยากลำบากแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมตระหนักถึงความเดือดร้อนของผู้ประกันตน จึงได้ออกมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายโดยการลดอัตราเงินสมทบเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน 41 จังหวัด โดยรายละเอียดการลดเงินสมทบมีดังนี้:
รายละเอียดมาตรการลดเงินสมทบ
- ประกันตนมาตรา 33 : หากเงินเดือน 15,000 บาท จากเดิมจ่าย 750 บาท (5%) จะลดลงสูงสุดเหลือ 450 บาท (3%)
- ผู้ประกันตนมาตรา 39 : จากเดิมจ่าย 432 บาท จะลดลงเหลือ 283 บาท
นอกจากนี้ การขยายระยะเวลายื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบออกไปอีก 4 งวด ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจ และความพยายามในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตน ขยายเวลายื่นแบบแสดงการส่งเงินสมทบประกันสังคมมาตรา 33 และ 39
- งวดเดือน ก.ย.67 ภายในวันที่ 15 ม.ค. 68
- งวดเดือน ต.ค.67 ภายในวันที่ 15 ก.พ.68
- งวดเดือน พ.ย.67 ภายในวันที่ 15 มี.ค.68
- งวดเดือน ธ.ค.67 ภายในวันที่ 15 เม.ย.68
มาตรการนี้ครอบคลุม 41 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ คือ กระบี่, กาญจนบุรี, กาฬสินธุ์, กำแพงเพชร, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, ชุมพร, เชียงราย, เชียงใหม่, ตรัง, ตาก, นครนายก, นครปฐม, นครพนม, นครราชสีมา, นครศรีธรรมราช, นครสวรรค์, น่าน, บึงกาฬ, พะเยา, พังงา, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, แพร่, ภูเก็ต, มุกดาหาร, แม่ฮ่องสอน, ร้อยเอ็ด, ลำปาง, ลำพูน, เลย, สตูล, สระบุรี, สุโขทัย, สุราษฎร์ธานี, หนองคาย, หนองบัวลำภู, อ่างทอง, อุดรธานี, อุตรดิตถ์
ระยะเวลาของมาตรการ
มาตรการลดเงินสมทบประกันสังคมมีผลเป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่ประชาชนต้องการฟื้นฟูความเป็นอยู่และเสริมสร้างสภาพคล่องทางการเงิน หลังจากนั้นจะมีการประเมินผลเพื่อดูว่ามาตรการนี้ช่วยเหลือผู้ประกันตนได้ตามเป้าหมายหรือไม่ และพิจารณาความจำเป็นในการขยายมาตรการหรือปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้ประกันตน
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
มาตรการลดเงินสมทบนี้ช่วยให้ผู้ประกันตนในมาตรา 33 และ 39 มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น สามารถใช้เงินในส่วนนี้เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือจัดการค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูที่เสียหายจากภัยธรรมชาติได้ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม เนื่องจากประชาชนมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงที่เกิดวิกฤต
ที่มา : https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/334065